งานมหากุศลเก็บศพไร้ญาติ ล้างป่าช้าครั้งที่ 7สว่างเหตุธรรมสถาน |
|
มูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบร่วมงานมหากุศลเก็บศพไร้ญาติ ล้างป่าช้าครั้งที่ 7สว่างเหตุธรรมสถาน บ้านทุ่งเหียง
วันนี้ (2 พ.ค.54 ) นายณรงค์ บุญบรรเจิดศรี ประธานมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบได้มอบหมายให้ นายอาคม ศักดิ์ธงชัย รองประธานมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ นำคณะเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ มูลนิธิสว่างโรจนสมบูรณ์ บางคล้า มูลนิธิสว่างร่วมสันติสุข กรุงเทพฯ พุทธสมาคมสว่างเหตุธรรมสถานพร้อมประชาชนผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมงานมหากุศลเก็บศพไร้ญาติ ล้างป่าช้าครั้งที่ 7 ณ.สุสาน หนองผักบุ้งขัน พุทธสมาคมสว่างเหตุธรรมสถาน บ้านทุ่งเหียง ต.หมอนนาง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี กันอย่างคับคั่ง โดยมี นายสหัสน์ คุณจักร นายกสมาคมพุทธสมาคมสว่างเหตุธรรมสถาน บ้านทุ่งเหียง เจ้าภาพ ให้การต้อนรับ นายประสิทธิ์ เงินชัย รองผู้จัดการหนู่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ ซึ่งหลายๆมูลนิธิ จะมีสุสานของตนไว้สำหรับฝังศพไร้ญาติ เพราะเราไม่รู้ว่า ในอนาคตจะมีญาติมาติดตามรับศพหรือไม่ เราจึงฝังศพเหล่านี้ไว้ก่อน แต่เมื่อหลุมศพเกิดเต็มขึ้นมา เราจึงมีพิธีการที่เรียกว่า ล้างป่าช้า เพื่อขุดศพ เหล่านั้นขึ้นมา เก็บแต่กระดูก เพื่อทำความสะอาด เซ่นไหว้ข้าวปลาอาหาร และฌาปนกิจต่อไป ซึ่งเป็นกรณีของศพที่ถูกฝังใหม่ๆ เขาจะทำการแล่เนื้อออก ให้เหลือแต่กระดูก ส่วนกระดูกชิ้นเล็กๆเช่น นิ้วมือ นิ้วเท้า ที่ยากต่อการแล่ ก็จะถูกนำไปต้มเพื่อให้แล่เนื้อออกมาได้ง่าย เนื้อทั้งหมดจะถูกนำไปฝังทิ้งหรือเผา ส่วนกระดูกจะเก็บไว้ทำความสะอาด และไปประกอบพิธีต่อ สำหรับการล้างป่าช้าครั้งแรกในประเทศไทยเกิดขึ้นนานมาแล้วที่ พุทธสมาคมสว่างประทีปธรรมสถาน จ.ชลบุรี ตอนนั้นมีเหตุการณ์โรคระบาดเกิดขึ้นมีคนล้มตายกันเป็นจำนวนมาก ก็เลยมีการตั้งบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์เคยทำพิธีล้างป่าช้าที่เมืองจีนก็เอาพิธีนี้มาทำในเมืองไทย โดยใช้คนจีนที่อพยพมาจากเมืองจีนและพอมีความรู้เรื่องนี้เป็นคนประกอบพิธี เพราะฉะนั้นลักษณะของพิธีจะมีการผสมผสานกันระหว่างไทยกับจีน สังเกตในงานนี้เราจะมีหลายอย่างมีทั้งสวดแบบทางจีนมหายาน พออีกวันก็จะมีการเก็บกระดูกเข้ามาก็จะมีการสวดอภิธรรมแบบไทยก็ผสมกัน ส่วนใหญ่จะทำพิธีล้างป่าช้ากันตามต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ เป็นที่แน่นอนว่า แนวความคิดของการล้างป่าช้ามาจากเมืองจีน เพราะฉะนั้นในส่วนของพิธีกรรมย่อมจะหลีกเลี่ยงพิธีแบบจีนไปไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการไหว้เทวดาฟ้าดิน การประทับทรงของเทพเจ้า การติดฮู้หรือยันต์ หรือการสวดมนต์แบบจีน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่หลงเหลือความเป็นไทยอยู่เลย เพราะอันที่จริงแล้วผู้ที่ประกอบพิธีก็คือลูกหลานไทยเชื้อสายมังกรที่ทั้งชีวิตได้ซึมซับทั้งความเป็นไทยและความเป็นจีนเข้าไว้ด้วยกันหลังจากทำความสะอาดกระดูกเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาจัดเรียงให้เป็นรูปร่าง แต่ถ้าหากศพไหนที่ไม่เน่าเปื่อยคือมีลักษณะแห้งไปเลย ก็จะไม่ต้องขัดกระดูกเพียงแค่ใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดร่างเท่านั้น แล้วจึงหาเสื้อผ้าและแป้งมาประพรมร่างกาย ร่างพวกนี้หากเป็นชายจะเรียกว่าเทพบุตร ส่วนหญิงจะเป็นนางฟ้า หากเป็นเด็กชาย,หญิงจะเรียกว่ากุมารทอง และกุมารีตามลำดับ ถ้าป่าช้าไหนมีศพครบทั้ง 4 ประเภทนี้ถือว่าสมบูรณ์ที่สุดคนจีนจะมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า ถ้าทำผ้าป่ากองหนึ่ง ก็ไม่เท่าทำกฐินกองหนึ่ง ทำกฐินนี่ก็ยังไม่เท่ากับมาร่วมงานล้างป่าช้า เปรียบว่าเป็นงานมหากุศล เพราะว่าหนึ่งพวกนี้ไม่ใช่ญาติเรา เราก็ไม่รังเกียจ นี่เป็นศพที่แห้งแล้ว บางที่ตายใหม่ๆเค้าก็ขุดขึ้นมาเละๆ เราก็มารูด มีกลิ่นเหม็นเราก็ไม่รังเกียจ มาพรมน้ำหอม แล้วก็ทำหลายๆศพพร้อมกัน ถือได้ว่าเป็นการทำบุญมหากุศล อุดมเกียรติ ทิพย์ศรีกุล ภาพ / ข่าว |