สวนนงนุชพัทยาครองแชมป์เหรียญทองสุดยอดการจัดสวนระดับโลก 2 ปีซ้อน สวนนงนุชพัทยา สร้างชื่อเมืองไทยกระฉ่อนโลก คว้าเหรียญทอง สุดยอดการจัดสวนระดับโลก เป็นรางวัลครั้งที่สอง ติดต่อสองปีซ้อน ในงานเชลซี ฟลาวเวอร์ โชว์ 2011 (Chelsea flower show 2011 ) ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และยังครองแชมป์ที่หนึ่งของเอเชียด้วย
ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ในช่วงเช้าของวันที่ 30 พฤษภาคม 2554 ได้มีสื่อมวลชนจำนวนมากเดินทางมาร่วมต้อนรับและแสดงความยินดีกับทีมงานสวนนงนุช พัทยา และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่เดินทางกลับจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ภายหลังการคว้าแชมป์เหรียญทอง การจัดสวนยอดเยี่ยมระดับโลก รางวัล Gold Medal จากงาน Chelsea Flower Show 2011 ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น ซึ่งนอกจากจะสื่อมวลชนหลายแขนงให้ความสนใจเดินทางมาทำข่าวแล้ว ยังมีองค์กร และหน่วยงานต่าง ๆ อีกหลายหน่วยงาน ก็ส่งตัวแทนมาร่วมแสดงความยินดีด้วย เนื่องจากความสำเร็จครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งผลงานของการทำชื่อเสียงให้กับประเทศไทย โดยฝีมือคนไทย ในด้านการจัดสวน และยังเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรม ประเพณี อันงดงามของไทยในเวทีโลกด้วย นายกัมพล ตันสัจจา ผู้อำนวยการสวนนงนุช พัทยา ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว ถึงความรู้สึกที่ได้รับรางวัล การจัดสวนภายในยอดเยี่ยม Gold Medal จากงาน เชลซี ฟลาวเวอร์ โชว์ 2011 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในครั้งนี้ว่า รู้สึกดีใจและภาคภูมิใจที่สามารถนำวัฒนธรรม และประเพณี และวิถีชีวิตอันดีงามของไทย ถ่ายทอดผ่านงานศิลปะที่ผสมผสานระหว่างงานประดิษฐ์กับความงามของไม้ดอก ให้สาธารณะชนโดยเฉพาะชาวต่างชาติได้รู้จักประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็ถือเป็นความสำเร็จที่อยากให้คนไทยได้ภาคภูมิใจร่วมกัน และที่ปลาบปลื้มมากที่สุด ก็คือการได้รับคำยกย่องและสนพระทัยจากราชวงศ์อังกฤษที่มาร่วมชมบูท ไม่ว่าจะเป็น สมเด็จพระราชินีนาเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร เจ้าฟ้าชายริชาร์ด ดยุคแห่งกลอสเตอร์ เจ้าฟ้าชายเอ็ดเวิร์ด ดยุคแห่งเคนต์ เจ้าหญิงอเล็กซานดรา เลดี้โอกิลวี เจ้าฟ้าชายแอนดรูว์ ดยุคแห่งยอร์ค ดัสชัสแห่งคอนวอลล์ (คามิลลา ปากเกอร์ดโบลล์) เจ้าหญิงเบียทริชแห่งยอร์ค เจ้าชาย และเจ้าหญิงแห่งราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน สำหรับคอนเซ็ปต์ที่ทีมงานสวนนงนุช และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ร่วมกันระดมความคิด สรรค์สร้างเป็นผลงานอันน่าทึ่ง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “สุดยอดเมืองไทย” หรือ “Fantastic Thailand” จัดแสดงในพื้นที่ 10x10 เมตร ซึ่งจะเป็นพื้นที่ที่ถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นเอกลักษณ์ วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ วัฒนธรรม จารีตประเพณีอันดีงาม จากทั้ง 4 ภาคของไทยเอาไว้ทั้งหมด โดยชิ้นงานจะโดดเด่นด้วยพระปรางค์วัดอรุณราชวรารามวรวิหาร ประดับประดา ด้วยสัญลักษณ์ของแต่ละภาค เช่น ตุง ร่มจองคำ โถบูรณะกะตะ ฆ้อง เป็นสิ่งแทนจากภาคเหนือ สิงห์ เป็นสิ่งแทนจากภาคตะวันตก ประเพณีลอยกระทง จากภาคกลาง บายศรี และช้าง จากภาคอีสาน ส่วนหนังตะลุงเป็นสิ่งแทนจากภาคใต้ โดยแต่ละส่วนจะถูกประดับประดาด้วยดอกไม้ ใบไม้ เช่น บานไม่รู้โรย และกลีบกล้วยไม้ทั้งตระกูลหวาย และแวนด้านับล้าน ๆ ดอก ตกแต่งให้มีสีสันสวยงาม สะดุดตา โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์ ใช้งบประมาณในการรังสรรค์ผลงานชิ้นนี้กว่า 10 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการและผู้เข้าชมงานต่างชื่นชมในฝีมือการทำอย่างวิจิตรบรรจง และ ประณีตของคนไทย โดยเฉพาะพระราชินีแห่งอังกฤษ และพระราชวงศ์ ที่เสด็จมาเยี่ยมชมงานนี้ ได้ทอดพระเนตรผลงานชิ้นนี้ อย่างทรงสนพระทัยยิ่ง และทรงชื่นชมในความสวยงามและความสามารถ จนยกย่องให้ไทยเป็นยอดฝีมือแห่งการจัดสวนเลยทีเดียว นายกัมพล ยังกล่าวด้วยว่า การที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จในแต่ละครั้ง ต้องอาศัยความอดทน พากเพียร ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ และกำลังสติปัญญา ให้กับผลงานแต่ละชิ้นอย่างมาก เพราะรางวัลเหล่านี้ใช่ว่าจะได้มาง่าย ๆ เนื่องจากงานที่เข้าประกวดคือ เชลซี ฟลาวเวอร์โชว์ ของประเทศอังกฤษ เป็นงานแสดงดอกไม้ที่ยิ่งใหญ่ได้รับการยอมรับจากทุกประเทศทั่วโลก รางวัลที่ได้จะการันตีคุณภาพของผู้ที่ได้รับเป็นอย่างดี ซึ่งไม่มีที่ใดทัดเทียมได้ และมีกว่า 600 ประเทศที่พยายามมุ่งมั่นที่จะพิชิตเหรียญทองจากงานเชลซี ฟลาวเวอร์ โชว์ ทางสวนนงนุชพัทยา จึงทุ่มเทให้กับผลงานชิ้นนี้ ด้วยงบประมาณกว่า 10 ล้านบาท ใส่ใจดอกไม้ทุกดอก ทุกรายละเอียด เพื่อให้ผ่านเกณฑ์การตัดสินที่คณะกรรมการจะพิจารณา อันประกอบด้วยต้องมีสิ่งประดิษฐ์ 20 % ธรรมชาติ 80 % พืชพรรณที่นำมาใช้ตกแต่ง ความยากในการสร้างสรรค์ผลงาน มีความเป็นเอกภาพ สัดส่วนสมดุล สีสันงดงาม มีความคิดสร้างสรรค์ดัดแปลงประยุกต์องค์ประกอบต่าง ๆ พิถีพิถันและถ่ายทอดความเป็นตัวตนของธีมได้อย่างลงตัว สวยงาม ไร้ที่ติ ซึ่งผลงานของสวนนงนุชพัทยาและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ผ่านเกณฑ์การตัดสินทั้งหมด จนได้รับรางวัลอันน่าภาคภูมิใจเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ได้รับเป็นครั้งแรก เมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา และสิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือต้องพยายามสรรค์สร้างผลงานให้เป็น The Best of show ให้ได้ ซึ่งก็ต้องพยายามกันในปีต่อ ๆ ไป อุดมเกียรติ ทิพย์ศรีกุล ภาพ / ข่าว
|