หนุ่มขับวิน ยั้วถูกตำรวจพัทยาด่าชักปืนจ่อแย่งปืนตบเข้าหน้าตำรวจเจ็บ สารภาพไม่รู้ว่าเป็นตำรวจ

ที่เกิดเหตุพบตำรวจอาสาช่วยกันควบคุมตัว นายสันติ ว่องไว อายุ 27 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 3/97 หมู่ 9 ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี อาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์ รับจ้างผู้ก่อเหตุเอาไว้ พร้อมรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟ 125 ไอ สีขาว หมายเลขทะเบียน ขงฉ 682 กำแพงเพชร โดยมีตำรวจอาสานอกเครื่องแบบหลายนายพยายามจะเข้าไปทำร้ายร่างกาย นายสันติ ด้วยความโมโหแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ช่วยกันห้ามปรามเอาไว้ ถัดมาพบร่างของ ดาบตำรวจณัฐพล ดอกชูรุ่ง ผบ.หมู่จราจร สภ.เมืองพัทยา เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรซึ่งอยู่ในชุดนอกเครื่องแบบ ได้รับบาดเจ็บถูกอาวุธปืนตีเข้าที่หัวคิ้วขวาจนเป็นแผลแตกฉกรรจ์ จึงให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลก่อนนำส่งที่ รพ.บางละมุง

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายสันติ ว่องไว ได้ให้การยอมรับสารภาพว่าได้แย่งอาวุธปืนจาก ดาบตำรวจณัฐพล ดอกชูรุ่ง และใช้อาวุธปืนตีทำร้ายร่างกาย ดาบตำรวจณัฐพล จนได้รับบาดเจ็บจริง โดยในเวลาที่เกิดเหตุขณะที่กำลังจะขับขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านพักมาถึงจุดเกิดเหตุ ดาบตำรวจณัฐพล ซึ่งอยู่ในอาการคล้ายคนเมาสุรา ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาประกบด้านข้างบังคับให้ตนจอดรถ ก่อนจะด่าว่าตนด้วยถ้อยคำรุนแรงตนจึงโต้เถียงกลับไปจนเกิดมีปากเสียงกันอย่างรุนแรงจนกระทั่ง ดาบตำรวจณัฐพล ได้ชักเอาปืนออกมาจากเอวแล้วจ่อที่ศรีษะของตนก่อนจะบอกว่าเป็นตำรวจแต่ตนนั้นยังไม่เชื่อเนื่องจากแต่งกายชุดอยู่บ้าน อีกทั้งไม่ได้แสดงบัตรให้ดู จึงนึกว่า ดาบตำรวจณัฐพล นั้นแอบอ้างตัวและด้วยความโกรธแค้น ที่ถูกปืนจ่อหัว จึงได้แย่งปืนแล้วใช้อาวุธปืนตีเข้าที่ใบหน้าของ ดาบตำรวจณัฐพล จนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว 

ทางด้าน ดาบตำรวจณัฐพล ดอกชูรุ่ง ได้ให้การว่าในเวลาที่เกิดเหตุตนกำลังจะขับรถกลับที่พักเช่นกันเมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ นายสันติ ว่องไว นั้นได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาด้วยความเร็ว ประมาทหวาดเสียว พร้อมทั้งยังขับรถปาดหน้ารถของตน จึงได้ขับรถติดตามาพร้อมทั้งเรียกให้จอดก่อนว่ากล่าวตักเตือน แต่นายสันติ กลับตรงเข้ามาทำร้ายร่างกาย ตนจึงชักอาวุธปืนออกมาจากเอวเพื่อข่มขู่พร้อมทั้งแสดงตนบอกว่าตนเป็นตำรวจแต่ นายสันติ กลับแย่งเอาปืนไปแล้วใช้อาวุธปืนตีทำร้ายตน

หลังสอบสวนเบื้องต้นและตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วทางเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนายสันติ ว่องไว ผู้ก่อเหตุ นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งจะได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป