พิธีย่ำพระสุริย์ศรีอำลาชีวิตราชการผู้บัญชาการทหารเรือ

       เมื่อเวลา 18.00 น. ของวันนี้( 8 ก.ย.54)  พลเรือโท พงศ์ศักดิ์ ภูรีโรจน์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ได้จัดพิธีย่ำพระสุริย์ศรีและอำลาชีวิตราชการของ พลเรือเอก กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญ ชาการทหารเรือ และผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพเรือ ตลอดจนข้าราชการในสังกัดหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ในโอกาสที่ครบเกษียณอายุราชการ เพื่อเป็นเกียรติและเป็นการแสดงมุทิตาจิตต่อผู้บังคับบัญชาระดับสูงสุดของกองทัพเรือ ซึ่งรับราชการมาจนครบเกษียณอายุราชการ และได้มีการแสดงการกระโดดร่มแบบดิ่งพสุธาโดยนักโดดร่มจากทุกเหล่าทัพ จำนวนกว่า 100 ชีวิต เพื่อเป็นเกียรติกับผู้บัญชาการทหารเรือและผู้บังคับ บัญชาชั้นสูงของกองทัพเรือ ตลอดจนข้าราชการในสังกัดหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินในโอกาสที่ครบเกษียณ อายุราชการ ณ สนามหน้ากองบัญชาการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

         พลเรือโทพงศ์ศักดิ์  ภูรีโรจน์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินได้กล่าวสดุดี ผู้บัญชาการทหาร เรือและผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพว่าพิธีย่ำพระสุริย์ศรี มีความหมายว่า การจบลงอย่างสง่างามนั้น เป็นพิธีที่หน่วยบัญชาการนาวิกโยธินตั้งใจจัดให้มีขึ้นเพื่อเป็นการเทิดเกียรติบุคคลสำคัญของกองทัพเรือ นอกจากทหารนาวิกโยธินจะยึดถือเป็นประเพณีแล้วยังเป็นการสื่อความหมายว่า การเกษียณอายุราชการของบุคคลสำคัญของกองทัพเรือ เป็นการจบลงอย่างสง่างามเสมือนแสงอาทิตย์ยามเย็นที่ค่อยเคลื่อนคล้อยอำลาลับขอบฟ้า

            ตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่ผู้บัญชาการทหารเรือ ดำรงตำแหน่งอยู่ในฐานะผู้นำสูงสุดของกองทัพเรือ ตลอด จนผู้บังคับบัญชาทั้ง 7 ท่าน ที่ดำรงตำแหน่งสำคัญนั้น ได้แสดงให้เห็นเด่นชัดของความเป็นผู้นำอย่างแท้จริง ด้วยการอุทิศจิตวิญญาณและสติปัญญาในการทำให้กองทัพเรือ เป็นกองทัพที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีความสามัคคี มีคุณธรรม และมีจิตสำนึกในการปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายด้วยความรับผิดชอบอย่างจริงจัง อีกทั้งยังได้นำกองทัพไปสู่ความสำเร็จตามภารกิจหลักในการป้องกันประเทศ รวมถึงการให้ความอนุเคราะห์ในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทางการรบและด้านสวัสดิการแก่กำลังพลและครอบครัว การจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์สำหรับกำลังพลให้สามารถรบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยสูง ตลอดจนการสนับสนุนด้านสวัสดิการต่างๆ ให้แก่ครอบครัวทหารนาวิกโยธิน สิ่งต่างๆ ที่ผู้บัญชาการทหารเรือและผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพได้ดำเนินการมาจนบัดนี้ ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนให้ความเคารพ มีความเชื่อมั่นและศรัทธา และในโอกาสที่ผู้บัญชาการทหารเรือและผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพเรือ ต้องเกษียณอายุราชการ จึงได้จัดให้มีพิธีเชิดชูเกียรติขึ้น ด้วยความอาลัยจากใจจริง อีกทั้งจะขอบันทึกความทรงจำ ความกรุณา และความปรารถนาดีที่ผู้บัญชาการทหารเรือ มีต่อทหารนาวิกโยธินไว้ตลอดไป

            จากนั้นได้นำรถสะเทินน้ำสะเทินบก สัญลักษณ์ของทหารนาวิกโยธิน ลำเลียงของขวัญของที่ระลึกนำมอบให้กับผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้บังคับบัญชาชั้นสูงทั้ง 7 ท่าน อย่างตื่นตาตระการใจ โดยผู้บัญชาการทหารเรือได้กล่าวว่า ในวาระที่จะต้องอำลาจากกองทัพเรือไปในครั้งนี้ แม้จะไปตามวาระและหลักปฏิบัติของทางราชการ แต่ด้วยความรัก ความผูกพันที่เคยปฏิบัติงานร่วมกันมาเป็นระยะเวลานาน จึงมีความเชื่อว่ามั่นว่า เราทุกคนจะยังคงมีความรัก และความผูกพันอันแนบแน่นดังเดิมตลอดไป และการจัดพิธีย่ำพระสุริย์ศรี อำลาชีวิตราชการให้ในวันนี้ เป็นภาพอันน่าประทับใจ ซึ่งจะอยู่ในความทรงจำตลอดไป

        สำหรับ พิธีย่ำพระสุริย์ศรี ซึ่งเรียกตามชื่อ เพลงพระสุริย์ศรี ซึ่งเป็นเพลงที่เกิดจากภูมิปัญญาทหารเรือไทย ที่พัฒนาจากจังหวะเพลงย่ำค่ำ มาเป็นเพลงบรรเลงรูปจบกระบวนของการแสดงดนตรีสยาม หรือเพลงฟีนาเล่ และด้วยเหตุผลที่ว่าขนบธรรมเนียมประเพณีทหารเรือ เมื่อเชิญธงราชนาวีลงจากยอดเสา พลเเตรเดี่ยวจะเป่าเพลง ย่ำค่ำ อันเป็นตำนานเก่าแก่สืบมาช้านาน จึงอนุโลมให้ใช้คำ “ย่ำพระสุริย์ศรี” กับพิธีนี้ โดยมีความ หมายว่า การจบ สิ้นสุด หรือยุติลงอย่างสง่างาม จึงสอดรับกับพิธีการของการอำลาชีวิตราชการของผู้บัญชาการทหารเรือ

        และในตอนท้ายของพิธีในวันนี้ ได้จัดให้มีการจำลองเหตุการณ์และวีรกรรมของทหารนาวิกโยธินที่บ้านแยะ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ที่มีพันจ่าเอก เชิดศักดิ์ ดวงคำ เป็นหัวหน้าชุดลาดตระเวน จ่าเอกไพบูลย์  ฉายกระจ่าง จ่าเอก อรรถสิทธิ์ กันหาแก้ว และพลทหาร ชลทิตย์ สอนฆ้อง เป็นลูกชุดได้ถูกซุ่มยิงขบวนรถจักรยาน ยนต์ขณะคุ้มครองครูและภิกษุสงฆ์บิณทบาตร  ถึงแม้ว่า พลทหาร ชลทิศฯ จะถูกยิงที่ขาแต่ยังมีสติสามารถยิงคนร้ายเสียชีวิต 1 ศพ ในขณะที่จะเข้ามาตัดคอทหารนาวิกโยธินที่ถูกซุ่มในครั้งนี้ และทำให้กลุ่มคนร้ายต้องหลบหนีไป นับเป็นวีรกรรมของพลทหาร ชลทิศฯ ที่ต้องจารึกไว้  นอกจากนี้แล้วยังได้นำทหารนาวิกโยธิน และครอบครัวที่ได้รับบาดเจ็บ และครอบครัวทหารนาวิกโยธินที่เสียชีวิต จากการปฏิบัติหน้าที่เข้าขอบคุณ พร้อมมอบของที่ระลึก ให้กับผู้บัญชาการทหารเรือ และนายกสมาคมภริยาทหารเรือ ที่ให้การดูแลในเรื่องของ ขวัญ กำลังใจ ตลอดจนสิทธิต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ  พันจ่าเอก พงศ์ศักดิ์ จันทะพรม ที่ถูกจักรยานยนต์บอมได้รับบาดเจ็บสาหัส ลำตัวท่อนล่างพิการ เหตุเกิดที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี  พันจ่าเอก กิตฏิกรณ์ ช่วยทอง เหตุปะทะกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบและถูกกับระเบิดแสวงเครื่องขาหัก 2 ข้าง จ่าเอก มงคล หนูได้แก้ว บาดเจ็บขณะเก็บกู้วัตถุระเบิดในรถยนต์เก๋งหน้าศาลากลางจังหวัดนราธิวาส  ท่ามกลางความประทับใจของผู้ร่วมงานในวันนี้เป็นอย่างยิ่ง

        สำหรับผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพเรือที่ครบเกษียณอายุราชการในครั้งนี้ จำนวน 7 ท่าน ประกอบ ด้วย พลเรือเอกกำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอก นิพนธ์ จักษุดุล รองผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอก วัลลภ เกิดผล รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเรือเอก รพล  คำคล้าย รองปลัดกระทรวงกลาโหม พลเรือเอก เถกิงศักดิ์  วังแก้ว เสนาธิการทหารเรือ พลเรือเอก ณรงค์ เทศวิศาล ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ พลเรือเอก สุวิทย์ ธาระรูป ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ธีรวัฒน์ ศรีถาพร รองเสนาธิการกองบัญชาการกองทัพไทย

        โดยผู้บัญชาการทหารเรือได้ลงมาเยี่ยมและให้กำลังใจกับกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเอง และยังกล่าวอีกว่าเขาเหล่านี้คือวีรบุรุษของกองทัพเรือ เราจะต้องดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะเกษียณอายุราชการไปแล้วหากมีสิ่งใดที่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือตลอดเวลา

            สำหรับผุ้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพเรือที่ครบเกษียณอายุราชการในครั้งนี้ประกอบด้วย พลเรือเอกกำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอก นิพนธ์ จักษุดุล รองผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอก วัลลภ เกิดผล รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเรือเอก รพล  คำคล้าย รองปลัดกระทรวงกลาโหม พลเรือเอก เถกิงศักดิ์  วังแก้ว เสนาธิการทหารเรือ พลเรือเอก ณรงค์ เทศวิศษล ผู้บัยชาการกองเรือยุทธการ พลเรือเอก สุวิทย์ ธาระรูป ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ธีรวัฒน์ ศรีถาพร รองเสนาธิการกองบัญชาการกองทัพไทย

            พลเรือเอก กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ เกิดเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2494 สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี โรงเรียนอำนวยศิลป์พระนคร โรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 10 โรงเรียนนายเรือรุ่นที่ 67 หลักสูตรนายทหารสื่อสาร หลักสูตรนายทหารศูนย์ยุทธการ โรงเรียนเสนาธิการทหารเรือรุ่นที่ 45 โรงเรียนเสนาธิการทหารเรืออังกฤษ วิทยาลัยการทัพเรือ รุ่นที่ 29 วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 46 สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ หลักสูตร 1/79 Foreign Officers Tactical Intelligence กองทัพบก ประเทศออสเตรเลีย หลักสูตร Phychological Operations Unit Officer กองทัพบก ประเทศสหรัฐอเมริกา หลักสูตร Surface warfare Officer กองทัพเรือ ประเทศสหรัฐอเมริกา

      สำหรับตำแหน่งในชีวิตรับราชการ เป็นผู้บังคับการ เรือต.82 ผู้บังคับการเรือหลวงดอนเจดีย์ รักษาราชการนายทหารคนสนิทผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้อำนวยการกองการวิจัยและพัฒนากรมยุทธการทหารเรือ ผู้ช่วยทูตทหารเรือไทย/โตเกียว และรักษาการผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารเรือไทย/โซล ผู้ช่วยเจ้ากรมยุทธการทหารเรือ รองเจ้ากรมยุทธการทหารเรือ ผู้บัญชาการกองเรือฟริเกตที่ 1 กองเรือยุทธการ หัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บัญชาการทหารเรือ และได้รับพระราชทานยศ พลเรือเก ในตำแหน่ง รองเสนาธิการทหาร เมื่อปี 2547 ก่อนจะดำรงตำแหน่ง ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ เมื่อปีพ.ศ.2548 และได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ เมื่อวันที่ 1 ต.ค.51 ระยะเวลา 3 ปี

อุดมเกียรติ ทิพย์ศรีกุล ภาพ / ข่าว