ผู้ริเริ่มสินค้าโอทอปชาวญี่ปุ่นแนะ “การพัฒนาสินค้า OTOP ของประเทศไทย”
ดร.โมริฮิโกะ ฮิรามัตซึ ผู้ริเริ่มสินค้าโอทอปชาวญี่ปุ่น แนะ“การพัฒนาสินค้า OTOP ของประเทศไทย” ให้คณะนักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยบูรพาเข้าฟัง โดยมีที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมฟังด้วย ค่ำวันนี้( 10 ต.ค. 2554) ที่ ศูนย์ปฏิบัติการโรงแรมเทาทอง มหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบุรี นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ) เดินทางมาเป็นประธานเปิดงาน “หลักคิดและแนวทางในการพัฒนาสินค้า OTOP ของประเทศไทย” โดยมีนายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และนายพรชัย ขวัญสกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ให้การต้อนรับ พร้อมมีผู้ประกอบการด้านสินค้าโอทอป , ผู้นำท้องถิ่น และผู้สนใจเข้าร่วมงานครั้งนี้เป็นจำนวนมาก นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า อาชีพที่น่าสนใจอาชีพหนึ่งที่จะนำรายได้เข้ามาฟื้นฟูประเทศนั้น คือ ธุรกิจ OTOP แต่จะต้องขยายตลาดออกไปยังต่างประเทศ หรือจำหน่ายให้กับคนต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าในปี พ.ศ. 2558 ประชากรในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะเข้ามาท่องเที่ยวและทำธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้น สินค้า OTOP นั้น ได้รับแนวคิดการพัฒนาระบบนี้มาหลายปีแล้ว หลายรัฐบาล และคนไทยได้เดินทางไปชมศึกษาวิธีการปฏิบัติสินค้าหมู่บ้าน สินค้าชุมชน ณ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผู้ริเริ่มและผู้นำการพัฒนาสินค้าประจำหมู่บ้านของญี่ปุ่น คือ ดร.โมริฮิโกะ ฮิรามัตซึ และที่สำคัญวิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่สอนระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ด้านบริหารธุรกิจ โดยจะเป็นหลักในการพัฒนา OTOP ของภาคตะวันออก เพื่อเกิดประโยชน์กับคนไทย ด้านดร.โมริฮิโกะ ฮิรามัตซึ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดโออิตะ ประเทศญี่ปุ่น และเป็นผู้ริเริ่มสินค้า OTOP ของประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า จังหวัดโออิตะ เป็นจังหวัดด้านเกษตรกรรม โดยไม่มีโรงงานอุตสาหกรรม โดยประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม ต่อมาเพิ่มพัฒนาและมีโรงงานอุตสาหกรรมเกิดขึ้น แต่เกษตรกรก็ยังยึดอาชีพเกษตรกรรมเช่นเดิม แต่เริ่มพัฒนาสินค้าด้านเกษตรกรรมให้มีคุณค่าและราคาเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากต้องการให้ประชาชนพัฒนาบ้านเกิด เพื่อไม่ต้องให้เดินทางหรือห่างไกลครอบครัว ซึ่งเป็นจุดสำคัญ มากกว่ามีรายได้ หรือเงินเป็นจำนวนมาก ซึ่งประเทศไทยก็เป็นประเทศเกษตรกรรมก็ควรพัฒนาและให้การสนับสนุนทางด้านนี้ การพัฒนาด้านอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์ ,โรงกลั่นน้ำมัน ก็เป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็เป็นเพียงความสุขความพึงพอใจในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อเปรียบเทียบกับการพัฒนาสินค้าทางด้านการเกษตรกรรมแล้ว ความพึงพอใจที่ครอบครัวอยู่ร่วมกันจะเป็นส่วนสำคัญและมีความสุขมากกว่า โดยควรจะสนับสนุนและพัฒนาสินค้าให้ด้านเกษตรกรรมให้มีคุณภาพและคุณภาพยิ่งๆขึ้นไป |