Home
|
การบริหารแรงงานในภาวะวิกฤติฯ |
|
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นประธานเปิดการสัมมนา”การบริหารแรงงานในภาวะวิกฤติและการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฏหมายแรงงานในกรณ๊ที่มีการเลิกจ้าง”แก่สมาชิกสมาคมญี่ปุ่นในจ.ชลบุรีและจ.ระยอง
ที่ ห้องบางกอกคอนเวนชั่น โรงแรมเดอะซิตี้ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นประธานเปิดการสัมมนา”การบริหารแรงงานในภาวะวิกฤติและการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายแรงงานในกรณีที่มีการเลิกจ้าง”แก่สมาชิกสมาคมญี่ปุ่นในจ.ชลบุรีและจ.ระยองซึ่งเป็นผู้บริหารสถานประกอบกิจการชาวญี่ปุ่นทั้ง 2 จังหวัดจำนวน 100 คนโดยนางอัมพร นิติสิริ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเป็นผู้กล่าวรายงานว่า ทางสมาคมญี่ปุ่นในจ.ชลบุรีและจ.ระยองซึ่งเป็นผู้จัดการสัมมนา ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารแรงงานในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจและการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฏหมายแรงงานในกรณีที่มีการเลิกจ้างเพื่อส่งเสริมแรงงานสัมพันธ์ที่ดีในสถานประกอบกิจการของสมาชิกรวมทั้งรับทราบหลักในการปฏิบัติที่ถูกต้องตามกฏหมายแรงงานในการใช้มาตราการต่างๆในภาวะวิกฤติปัจจุบัน โดยนายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่ามีความมั่นใจว่าผู้บริหารชาวญี่ปุ่นซึ่งเป็นนายจ้างและเจ้าของสถานประกอบกิจการในประเทศไทยซึ่งมีจำนวน8,059 แห่งมีลูกจ้างอยู่ในความควบคุมดูแลประมาณ 320,833 คนเป็นนักลงทุนที่เคารพในกฎหมายระเบียบกติกาต่างๆอย่างเคร่งครัดมีการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างถูกต้องและให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ โดยทางกระทรวงแรงงานได้กำหนดนโยบายด้านแรงงานโดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาการเลิกจ้างงานเป็นวาระแห่งชาติและดำเนินการแก้ไขปัญหาการเลิกจ้างว่างงานภายใต้กรอบมาตรการ3ลด3เพิ่มได้แก่ ลดการเลิกจ้าง ลดการเคลื่อนย้ายแรงงาน ลดค่าครองชีพของลูกจ้างและผู้ว่างงาน เพิ่มการจ้างงานและตำแหน่งงานเพิ่มทางเลือกการประกอบอาชีพและเพิ่มทักษะฝีมือแรงงาน และยังมีแนวทางหนึ่งที่กระทรวงแรงงานสามารถจะสนับสนุนการดำเนินมาตรการของผู้ประกอบการในการรักษาลูกจ้างคนงานไว้ในระบบคือลดอัตราเงินสมทบที่ได้นำส่งกองทุนประกันสังคมทุกเดือนจากเดิมร้อยละ5 ของค่าจ้างเป็นร้อยละ3ของค่าจ้าง โดยเป็นการลดอัตราเงินสมทบเฉพาะในส่วนของนายจ้างและลูกจ้างผู้ประกันตน ขณะที่ทางรัฐบาลยังคงจ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคมในอัตราเดิมจะเป็นการเพิ่มสภาพคล่องและบรรเทาภาระของนายจ้างในการรักษาลูกจ้างคนงานไว้ในระบบจ้างงาน ขณะเดียวกันนั้นการลดอัตราเงินสมทบอัตราดังกล่าวจะไม่กระทบต่อสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนผู้ประกันตนยังคงได้รับความคุ้มครองดูแลทุกกรณีเช่นเดิม ซึ่งขณะนี้การออกกฎหมายกฎกระทรวงเพื่อลดอัตราเงินสมทบดังกล่าวอยู่ในระหว่างการเร่งรัดดำเนินการคาดว่าจะมีผลใช้บังคับได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2552 |
|
|
Date
อาทิตย์, 05 พฤษภาคม 2024
|