เดนคุก สวมวิญญาณผู้คุมเรือนจำ เรียกเงินแม่นักโทษ แลกการเป็นอิสระ

         เดนคุก พึ่งพ้นโทษคดีเสพยาได้เพียงวันเดียว สวมวิญญาณผู้คุมเรือนจำ โทรศัพท์ลวงแม่เหยื่อนักโทษเรียกเงิน 15,000 บาท แลกกับอิสรภาพลูกชาย ศตส.สัตหีบ ร่วมตำรวจ ซ้อมแผนจับกุมคาร้าน สารภาพทำไปเพราะต้องการหาเงินเสพยาบ้า
เหตุการณ์เดนคุก สวมวิญญาณผู้คุมเรียกเงินแม่นักโทษ ได้ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 6 ก.พ.55 นายชายชาญ เอี่ยมเจริญ นายอำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจาก นางสมร วรรณสร อายุ 66 ปี เจ้าของร้านเกมส์อินเตอร์เน็ต อุดมศรี 2 .com ตั้งอยู่เลขที่ 25/78 ตลาดศรีประพัฒน์ ม.1 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ว่ามีโทรศัพท์ลึกลับอ้างตัวเป็นผู้คุมความประพฤติ เรือนจำพิเศษพัทยา ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โทรศัพท์ติดต่อเข้ามาขอเงินจำนวน 15,000 บาท เพื่อช่วยเหลือลูกชายที่ติดอยู่ในเรือนจำคดีเสพยาบ้า โดยให้โอนเงินไปบัญชีชื่อ นายสมสุข ทีระนันท์ ธนาคารไทยพาณิชย์ หมายเลข 6692495853

        ต่อมา นายชายชาญ เอี่ยมเจริญ นายอำเภอสัตหีบ ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์ต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด (ศตส.) นำโดย นายชวัฒน์ เทพทัพ ปลัดงานป้องกัน สนธิกำลังร่วมกับตำรวจ สภ.พลูตาหลวง ทำการซ้อนแผนจับกุม โดยให้เจ้าของร้านโทรศัพท์ติดต่อเข้าไปหาผู้ลึกลับรายนี้ และเปลี่ยนแปลงจากการโอนเงิน ให้มารับเงินที่ร้านแทน ซึ่งการตกลงเป็นผลสำเร็จ จากนั้น ไม่นานได้มีโทรศัพท์ติดต่อเข้ามา โดยอ้างตัวเป็นคนขับรถแท็กซี่ ที่ผู้ลึกลับรายนี้จ้างวานมาจากเมืองพัทยาให้มาส่ง ทำการสอบถามเส้นทางมายังร้าน กระทั่ง มีรถแท็กซี่สีน้ำเงิน – เหลือง ทะเบียน ทข – 58 ชลบุรี มาจอดเยื้องกับหน้าร้าน และมีชายวัยกลางคน แต่งกายชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงเจเจลายดอก ตามตัวสักลายคล้ายคนคุก เดินเข้าไปติดต่อกับเจ้าของร้าน โดยอ้างตัวว่าผู้คุมความประพฤติส่งตัวให้มารับเงิน เมื่อเจ้าของร้านได้เจรจา และส่งมอบเงินให้กับชายรายนี้ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม ทราบชื่อคือ นายไพโรจน์ หรือเล็ก บุญโต อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63/1 ม.7 ต.ท่าจีน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ผู้ต้องขังคดีเสพยาบ้าที่พึ่งพ้นโทษมาได้เพียงวันเดียว ส่วนคนขับรถแท็กซี่ คือ นายธัตฌันทร์ จินวุฒิ อายุ 32 ปี เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวทั้ง 2 คน ไปทำการสอบสวนยัง สภ.พลูตาหลวง ซึ่งขณะควบคุมตัวผู้ต้องหาอยู่นั้น ลูกชายของเหยื่อรายนี้ ได้บุกเข้ามากระทืบผู้ต้องหาด้วยความโกรธแค้น เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันเข้าห้าม และแยกทั้งคู่ออกอย่างอลหม่าน

        จากการสอบปากคำ นายไพโรจน์ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ได้รู้จักลูกชายเจ้าของร้านในเรือนจำ ก่อนพ้นโทษลูกชายเจ้าของร้านได้ทิ้งเบอร์โทรของแม่ไว้ให้ เพื่อหลังพ้นโทษไปทั้งคู่จะได้ติดต่อหากัน ซึ่งเมื่อช่วงเช้าของเมื่อวานนี้ ได้พ้นโทษออกมาและได้นำเงินที่มีติดตัวอยู่ไปซื้อยาบ้าเสพ และเกิดมีความต้องการเสพยาบ้าอีก แต่ไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว จึงได้โทรศัพท์เข้าไปหาแม่ของเพื่อน ทำทีเป็นผู้คุมความประพฤติ ลวงให้เหยื่อนำเงินจำนวน 15,000 บาท มาให้เพื่อแลกกับอิสรภาพของลูกชาย เมื่อเห็นว่าเหยื่อหลงกล จึงว่าจ้างรถแท็กซี่มาจากเมืองพัทยา เพื่อมารับเงิน ยอมรับว่าที่ทำไปเพราะต้องการนำเงินไปซื้อยาบ้าเสพ

        ส่วนทางด้าน นายธัตฌันทร์ คนขับแท็กซี่ กล่าวว่า ขณะที่ขับรถติดไฟแดงอยู่ซอยบัวขาว เมืองพัทยา ผู้ต้องหารายนี้ ได้วิ่งขึ้นรถและยื่นข้อเสนอเป็นเงิน 1,000 บาท ให้ไปส่งที่อำเภอสัตหีบ ด้วยความที่อยากได้เงิน จึงขับรถมาส่ง กระทั่ง ผู้ต้องหารายนี้มาถูกจับกุม ซึ่งยอมรับว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้จริง
        พ.ต.ท.พรชัย กิ่งสวัสดิ์ พนักงานสอบสวน (สบ.3) เจ้าของคดี เปิดเผยว่า เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับภาพ จึงตั้งข้อหา ฉ้อโกง และเสพยาบ้า ส่วนคนขับแท็กซี่เห็นแล้วไม่มีความผิดจึงปล่อยตัวเป็นอิสระ และทางด้าน นายสมสุข ทีระนันท์ ที่ผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นผู้คุมความประพฤติ ที่ถูกระบุให้โอนเงินเข้าไปในบัญชี ขณะนี้อยู่ในการตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ซึ่งหากมีส่วนเกี่ยวข้องก็พร้อมจะดำเนินคดีอย่างแน่นอน

 
อุดมเกียรติ  ทิพย์ศรีกุล/นันทพล  ทิพย์ศรี อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 081-3455203/087-5871068