กองทัพเรือจัดพิธีรับเรือหลวงอ่างทอง เรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ ยันพร้อมช่วยเหลือประชาชนหากเกิดภัยพิบัติ
กองทัพเรือจัดพิธีต้อนรับเรือหลวงอ่างทอง เรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ ( LCD ) เพื่อเสริมเขี้ยวเล็บกองทัพเรือไทย และพร้อมออกช่วยเหลือประชาชน หากเกิดภัยพิบัติทางทะเล วันนี้( 19 เมษายน 5555) พลเรือเอกฆนัท ทองพูล ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ กองทัพเรือ ได้เป็นประธานในพิธีต้อนรับเรือหลวงอ่างทอง ณ ท่าเทียบเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมีผู้บังคับบัญชา นายทหาร คอรบครัวกำลังพลชุดรับเรือหลวงอ่างทอง สื่อมวลชน ร่วมเป็นเกียรติในพิธีต้อนรับและรับมอบ โดยได้นิมนต์ พระครูวิบูลธรรมบาล ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอสัตหีบ เจ้าอาวาสวัดสัตหีบ และพระสงฆ์จากวัดสัตหีบ จำนวน 10 รูปมาสวดเจริญพระพุทธมนต์ชัยมงคลคาถา เพื่อความเป็นศิริมงคล พลเรือเอกฆนัท ทองพูล ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ กองทัพเรือ กล่าวว่า เรือหลวงอ่างทอง เป็นเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ ประเภท เรือ LANDING PLATFORM DOCK (เรือ LCD ) ซึ่งต่อจากจากบริษัท Singapore Technologies Marine Ltd. (ST Marine) สาธารณรัฐสิงคโปร์ ซึ่งความจำเป็นในการจัดหาเรือหลวงอ่างทองเข้าประจำการนั้น มีความเป็นมาจาก เหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยคลื่นยักษ์สึนามิ รวมถึงภัยธรรมชาติต่างๆ ทีมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น กองทัพเรือถือได้ว่ามีบทบาทสำคัญในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้เป็นเพราะความพร้อมของบุคลากรและยุทโธปกรณ์โดยเฉพาะเรือหลวงจักรีนฤเบศร ซึ่งอาจกล่าวได้ว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ในการเป็นสนามบินเคลื่อนที่สำหรับ รับ-ส่ง ผู้ประสบภัยกลางทะเล รวมไปถึงเป็นโรงพยาบาลเคลื่อนที่สำหรับปฐมพยาบาล และใช้ในการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยหนักได้เป็นอย่างดี นอกจากเรือหลวงจักรีนฤเบศร กองทัพเรือ ยังมีความจำเป็นที่ต้องการเรือขนาดใหญ่มาเสริมภารกิจดังกล่าว เนื่องจากเรือในกองทัพเรือ ยังมีความจำเป็นในภารกิจเช่นที่ว่านี้ค่อนข้างจะขาดแคลน โดนเฉพาะเรือประเภทยกพลขึ้นบก ที่สามารถเข้าไปในพื้นที่น้ำตื้นใกล้ฝั่งได้ อีกทั้งสามารถขนถ่ายประชาชนและเครื่องจักรกลหนัก ได้ในปริมาณที่มาก ซึ่งปัจจุบันกองเรือยกพลขึ้นบกและยุทธบริการ มีเรือยกพลขึ้นบกขาดใหญ่ เพียง 2 ลำ คือ เรือหลวงสีชัง และเรือหลวงสุรินทร์ ซึ่งไม่เพียงพอต่อการใช้งาน กองทัพเรือ จึงได้เสนอโครงการจัดหาเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ โดย มีขีดความสามารถในการเคลื่อนกำลังจากทะเลสู่ฝั่ง (โจมตีโฉบฉวยสะเทินน้ำสะเทินบก)ช่วยเหลือประชาชนและบรรเทาสาธารณภัยตามชายฝั่ง ค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ฝึกกำลังพล คุณลักษณะทั่วไปที่สำคัญ คือ มีระวางขับน้ำระหว่าง 6,000 - 9,000 ตันความเร็วสูงสุดต่อเนื่องมากกว่า 20 นอต ระยะปฏิบัติการที่ความเร็วมัธยัสถ์ (ไม่ต่ำกว่า 15 นอต) ไม่น้อยกว่า 5,000 ไมล์ สามารถปฏิบัติการในทะเลต่อเนื่องได้ไม่น้อยกว่า 45 วัน ปฏิบัติการในทะเลได้ถึง Sea State 6 และรองรับกำลังทหารได้อีก 500 นาย โดยมีดาดฟ้า ฮ. (Flight Deck) สามารถรับ - ส่ง เฮลิคอปเตอร์แบบ ซีฮอว์ค ได้ 2 เครื่อง หรือเฮลิคอปเตอร์ แบบ ชินุค CH-47 ได้ 1 เครื่อง ส่วนโรงเก็บอากาศยาน สามารถรองรับเฮลิคอปเตอร์แบบ ซีฮอว์ค ได้ 2 เครื่อง นอกจากนั้นดาดฟ้าบรรทุก ยังสามารถรองรับรถถังแบบ M60 ได้ 15 คัน หรือ ยานรบสะเทินน้ำสะเทินบก แบบ AAVS ได้ 19 คัน ส่วนอู่ลอย (Well Dock) สามารถรับ-ปล่อยเรือ และบรรทุกเรือระบายพลขนาดกลางประจำเรือ ได้ 2 ลำ นอกจากนั้นยังมี Ramp ท้าย เปิด-ปิด ในการรับ-ปล่อยเรือ, ยานและยุทโธปกรณ์ในขณะเรือเดินและเรือจอด โดยสามารถต่อเชื่อมกับเรือระบายพลขนาดใหญ่ได้รวมทั้งมีประตูข้างเรือ และ/หรือ Ramp ข้างเรือ สำหรับขนถ่ายยานพาหนะ ได้อีกด้วยในส่วนของระบบการรบประกอบด้วย ระบบอำนวยการรบ TERMA C-Flex จากเดนมาร์ก ระบบควบคุมการยิง แบบ EOFCS ตราอักษร TERMA C-Fire ปืนหลัก 1 แท่น แบบ OTO Melara 76/62 Super Rapid อิตาลี ปืนรอง 2 แท่น แบบ MSI Sea Hawk DS30M REMSIG Gun System จาก สหราชอาณาจักร สำหรับเรือหลวงอ่างทองมีกำลังพลประจำเรือทั้งหมด 151 นายแบ่งเป็นนายทหาร 19 นาย ชั้นประทวน 98 นาย และพลทหาร 34 นาย ซึ่งมี นาวาโท ธีรสาร คงมั่น เป็นผู้บังคับการเรือหลวงอ่างทอง คนแรก โดยเรือหลวงอ่างทองจะขึ้นประจำการที่ กองเรือยกพลขึ้นบกและยุทธบริการ กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ อุดมเกียรติ ทิพย์ศรีกุล /นันทพล ทิพย์ศรี อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 081-3455203/087-5871068 |